10 ก.ค. 2555

*** น้ำผักปั่น...ขับของเสีย ฟื้นฟูเซลล์ ***


http://www.neolifeonlinecenter.com/ผลิตภัณฑ์นีโอไลฟ์/อาหารเสริมนีโอไลฟ์/?id=silinda 

*** น้ำผักปั่น...ขับของเสีย ฟื้นฟูเซลล์ ***

ในน้ำผักเป็นกรดอ่อน ๆ ที่มี คลอโรฟิลล์ ( Chlorophyll สารสีเขียวในพืช ) มีวิตามินเอ วิตามินซีธาตุเหล็ก โปแตสเซียม แมกนีเซียม และฟอสฟอรัส 

ซึ่งเมื่อทานเข้าไป จะเกิดการแลกเปลี่ยนการใช้สารอาหารได้สูงสุด ณ จุดที่ร่างกายสามารถนำของ เสียทิ้งได้ทั้งหมด และทำให้ร่างกายสร้างพลังงานในแต่ละเซลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งผลให้เกิดการ สร้างเซลใหม่ทดแทนเซลเก่าที่ตายในแต่ละวันได้เต็มที่ลักษณะนี้คือ ปัจจัยสูงสุดที่ร่างกาย จะไม่เกิดความอ่อนแอ ในทุกอวัยวะ

ดังนั้นเมื่อไปอยู่ในประเทศไหนก็แล้วแต่ ถ้าได้สัดส่วนของสารอาหารออกมาเป็นกรดอ่อนมีคลอโรฟิลล์แล้วมีสารอาหารพวกโปแตสเซียม แมกนีเซียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก ครบ 5 ตัวนี้

ในค่า pH = 4 และมีคลอโรฟิลล์ มีวิตามินเอ และวิตามินซี

ซึ่งจะทำให้ร่างกายสามารถมีอาหารได้เต็มที่ในแต่ละเซลล์ ถ้าทุกเซลล์แข็งแรงไม่มีเซลล์ตายก็ไม่แก่เลย

ถ้าค่า pH เป็น "กรดเกินไป" การใช้แคลเซียมก็จะยาก "กรดอ่อน" ทำให้เกิดการใช้ไขมัน ทำให้ไขมันถูกย่อยสลายได้เร็ว ถ้าเป็น "ด่างเกินไป" การย่อยสลายไขมันก็ทำได้น้อย

ไขมันคือของแข็งที่มีปริมาณถึง 60% ของของแข็งทั้งหมดในร่างกาย ไขมันคือตัวที่จะไปเปลี่ยนเป็นน้ำหล่อเลี้ยง น้ำเมือกที่ไปหล่อเลี้ยงตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย น้ำไขข้อ เป็นไขกระดูก เป็นกล้ามเนื้อ เป็นกระดูก เส้นเอ็น ไขมันหล่อเลี้ยงเส้นผมเป็นลำดับ

pH ของน้ำผักที่เหมาะสมกับคนไทยอยู่ที่ pH 4-6 คนอ้วนมาก ให้น้ำผักที่ pH 4 เลย เนื่องจากคนอ้วนมีไขมันค้างอยู่ในลำไส้ใหญ่ น้ำผักจะเปลี่ยนไขมันเป็นโคเลสเตอรอล ไปเป็นไตรกลีเซอไรด์ และเป็นกลีเซอไรด์ในที่สุด ซึ่งร่างกายนำไปใช้ได้

*** การดื่มน้ำผัก .......ช่วยอะไร ? ***

การดื่มน้ำผัก การเติมสารอาหารประเภทวิตามิน เกลือแร่จำเป็นและที่สำคัญคือ คลอโรฟิลล์ เมื่อดื่มเข้าไปแล้วส่วนที่ต้องถูกดูดซึม ก็จะไป "ฟื้นฟูตับ" มันจะไปก่อน พอ "น้ำตับหลั่ง" น้ำตับอ่อนก็หลั่ง การย่อยคาร์โบไฮเดรต ไขมัน เกลือแร่ และวิตามินก็จะทำได้มากขึ้น ในขณะที่ตัวมันไปย่อยไขมันส่วนที่ เก่าส่วนหนึ่ง แล้วเปลี่ยนรูปไปเป็นพลังงาน ดังนั้นร่างกายก็ได้พลังงานมาสนับสนุนให้อวัยวะต่าง ๆ ทำงานได้มากกว่าเดิม

น้ำผักสูตรบ้านสุขภาพเป็นน้ำผลไม้ผักสด จึงช่วยล้างสิ่งปฏิกูลในร่างกายตลอดจนสารพิษต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว ซึ่งปรากฎการณ์ที่สังเกตได้คือ ลดอาการปวดต่าง ๆ จากอาการท้องเสีย หรือมีของเสีย ค้างอยู่ในระบบเลือดมากจนปวดตามกล้ามเนื้อ อาการปวดหลังดังกล่าวจะลดลงลดอาการปวดศีรษะ ลดไข้ ลดความอ่อนเพลีย ลดอาการนอนหลับยาก ลดอาการนอนกรน

ซึ่งอาการที่ดีขึ้น คือ ขบวนการที่ร่างกาย ชะล้างของเสียออกได้ดีขึ้น ซึ่งอาการดังกล่าว ไม่ควรเก็บกดได้ด้วยการใช้ยาระงับปวด ซึ่งเป็นการไปหยุดความ สามารถในการ ชะล้างของร่างกาย ทำให้เกิดสารพิษมากขึ้นในทุกระบบของร่างกาย และแพร่กระจาย สะสมจนก่อเกิดเซลล์มะเร็ง

การกินน้ำผักก่อนเป็นการเตรียมร่างกายให้ย่อยสารอาหารที่เรากินลงไปได้ดีกว่าเดิม นั่นคือ เกิดสภาวะดีกับร่างกายทั้งระบบ สรุปได้ว่าน้ำผักทำหน้าที่ 2 อย่างในเวลาเดียวกันคือ

1. ให้สารอาหารที่ร่างกายนำไปฟื้นฟู ตับกับตับอ่อน2. กระตุ้นให้ร่างกายพร้อมในการย่อยไขมันที่เหลือค้างอยู่ เปลี่ยนรูปไปเป็นพลังงานทำให้ร่างกายเตรียมพร้อมที่จะย่อยสารอาหารที่รับประทานเข้าไปในมื้อต่อไป

** ส่วนประกอบของน้ำผักและประโยชน์ **

น้ำผักมีสารอาหารแร่ธาตุที่ช่วยฟื้นฟูการทำงานของอวัยวะทุกส่วนในร่างกาย ช่วยการทำงาน 5 ระบบ คือ ระบบดูดซึม ระบบทางเดินหายใจ ระบบหมุนเวียนโลหิต ระบบภูมิคุ้มกัน และระบบต่อมไร้ท่อ

-ผักกาดหอมช่วยฟื้นฟูเซลโดยเฉพาะระบบประสาทและเซลในปอดช่วยบำรุงกล้ามเนื้อ กระดูก เส้นเอ็น ช่วยบำบัดโรคโลหิตจาง

-คื่นฉ่ายช่วยฟื้นฟูระบบประสาทและฟื้นฟูการสร้างเซลเม็ดเลือด ช่วยชะล้างของเสียในระบบเลือด ช่วยให้ร่างกายมีความสามารถใช้แคลเซียมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดอาการเจ็บปวดของระบบข้อเสื่อมต่าง ๆ

-มะเขือเทศช่วยทำให้เม็ดเลือดแดงแข็งแรง ช่วยทำให้ผิวพรรณดี เพิ่มภูมิต้านทานของร่างกายมีสารช่วยย่อยอาหาร ทำให้เยื่อบุกระเพาะ ลำไส้ทำงานเป็นปกติ

-หอมหัวใหญ่ช่วยทำให้หัวใจแข็งแรง

-มะนาวช่วยฟื้นฟูภูมิคุ้มกัน

-น้ำผึ้งให้พลังงานสำรองกับม้าม

อัตราส่วนของผักที่จะใส่น้ำผักปั่นผักกาดหอม 2 ใบ คื่นฉ่าย 2 ก้าน มะเขือเทศ 1 ลูก ( เส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว )หอมหัวใหญ่ 1/4 ลูก ( เส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว ) น้ำผึ้ง 2 ช้อนเสาวรส หรือ มะนาว 1 ลูก แอปเปิ้ล 1/2 ลูก น้ำสะอาด 2 แก้ว

วิธีทำ1. นำส่วนประกอบที่กล่าวในข้างต้นใส่ลงในโถปั่น2. ปั่นน้ำผักเป็นเวลาประมาณ 20 วินาที3. เทน้ำผักที่ปั่นแล้วลงในแก้ว ( จะได้น้ำผักปั่น 2 แก้ว )หมายเหตุ ควรดื่มทันทีเพื่อสงวนคุณค่าทางอาหาร

ที่มา : ชมรมบ้านสุขภาพ(มูลนิธิภูมิปัญญาสากล)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น