21 ส.ค. 2555


>>http://puresente.neolifeinter.net/?id=korrapak

ถ้าคุณชอบใช้ชีวิตกลางแจ้ง ชอบเล่นกีฬาใต้ผืนฟ้าสวยๆ ชอบทำสวน ปลูกใบสะระแหน่ ลงทะเลที พระอาทิตย์ไม่ลับไม่เลิก หรือต้องทำงานออกเจอแดดเปรี้ยงๆ ทุกวัน คำแนะนำเหล่านี้ อาจเป็นประโยชน์ต่อผิวคุณ

ดูเหมือนผิวผู้หญิงเอเชียจะประสบภาวะแก่ก่อนวัยช้ากว่าสาวยุโรป เนื่องจากผิวผลิตเม็ดสีเมลานินออกมาปกป้องผิวจากรังสียูวีและมลภาวะต่างๆ ได้มากกว่า เม็ดสีที่ผลิตได้ก็ดูจะมีคุณภาพดีกว่า แต่พระอาทิตย์ในแถบศูนย์สูตรหย่อนหน้าลงมาใกล้โลกกว่าในแถบหนาว หนุมานตัวขาวก็กลายเป็นลิงเกรียมได้ง่ายๆ ผู้หญิงที่ออกแดดเป็นประจำ พออายุสัก 35 ปี ผิวเริ่มแสดงริ้วรอยแห่งวัย ดูแก่กว่าผู้หญิงในวัยเดียวกันซึ่งใช้ชีวิตอยู่แต่ในร่มอย่างเห็นได้ชัดเจน ผิวดูหยาบกร้านแดดกร้านลมกว่า แต่ถ้าหากคุณไม่กังวล จะสวยก็ช่าง ไม่สวยก็ช่าง ก็ช่างเถิด อย่าคิดถึง แต่ถ้ากังวล หลักปรนนิบัติผิวต่อไปนี้ จะช่วยให้ผิวกร้านแดดกร้านลมดูดีขึ้นภายใน 60 วันและถ้าปฏิบัติต่ออีกสักเดือน ก็จะยิ่งเห็นได้ชัด สามารถใช้เป็นหลักดูแลผิวชั้นพื้นฐาน ที่ผู้หญิงทุกคนนำไปใช้ได้ตั้งแต่แรกสวย สำหรับผู้ที่มีผิวดีอยู่แล้ว ก็จะช่วยคงสภาพผิวให้ดีไปอีกนาน

ปกป้องผิวจากแสงแดด เริ่มทาครีมกันแดดตั้งแต่วันนี้ และในทุกๆ วันนับจากนี้

เลือกครีมกันแดดที่ลงแล้วรู้สึกสบายผิว (คงต้องลงใช้ ผิวแต่ละคนไม่เหมือนกัน เหมาะกับผลิตภัณฑ์ต่างชนิดกัน) โดยลงหลังอาบน้ำล้างหน้า ขณะที่ผิวยังชื้นน้ำ ลงให้ทั่วผิวทุกส่วนที่เผยออกมานอกร่มผ้า ทั่วใบหน้า ลำคอ แขน หลังมือ หลังเท้า ถ้าใส่สายเดี่ยว ก็คงต้องลงให้ทั่วเนินอกและแผ่นหลัง เพียงลูบให้ทั่วผิวชุ่มๆ ไม่จำเป็นต้องถูครีมกันแดดกับผิวแรงๆ ไม่งั้นประสิทธิภาพของครีมอาจลดลงถึง 25 เปอร์เซ็นต์

จะเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของสารกันแดดเลย หรือผสมมอยส์เจอไรเซอร์ทั่วไปกับครีมกันแดดในปริมาณพอๆ กันที่ผ่ามือก่อนลงก็ใช้ได้

หลบเลี่ยงแสงแดด

แค่ทาครีมกันแดดเป็นประจำ ยังไม่เพียงพอ ต้องพยายามหลบแดดอย่างจริงจังร่วมด้วย ครีมกันแดดเป็นเพียงตัวช่วยที่สำคัญ เมื่อต้องออกแดด ควรเตรียมร่ม แว่นกันแดด หมวกปีกกว้าง รวมทั้งสวมเสื้อคลุมผิว และคอยหลบแดดในร่มทันทีที่ทำได้

หยุดบุหรี่

ไม่น่าเชื่อว่าบุหรี่จะทำลายความเปล่งปลั่งของผิวมากมาย จากการศึกษาเปรียบเทียบผิวพรรณฝาแฝด พบว่าแฝดคนที่สูบบุหรี่ติดต่อกันเป็นเวลานาน ผิวพรรณจะดูแก่กว่าคู่แฝดที่ไม่สูบบุหรี่เลย 40 เปอร์เซ็นต์ กิริยาดูดบุหรี่ จะก่อให้เกิดริ้วย่นๆ เล็กๆ รอบริมฝีปาก การหรี่ตาหลบควันบุหรี่จะก่อให้เกิดรอยตีนกาที่ลึกและเด่นชัดกว่าปกติ

การสูบบุหรี่ไม่เพียงทำให้ผิวได้รับออกซิเจนและสารอาหารลดลง ยังมีผลให้แผลต่างๆ หายช้าลง และอาจส่งผลให้เกิดแผลเป็นในลักษณะที่กว้างใหญ่ขึ้นหลังแผลหายแพทย์ศัลยกรรมตกแต่งบางท่านจะเตือนผู้สูบบุหรี่ที่คิดจะทำการผ่าตัดถึงความจริงข้อนี้

หลับเป็นเวลา

ครีมบำรุงขวดละเท่าไรก็ไม่สู้การได้หลับ สำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิงผิวดี ช่วงขณะหลับเป็นช่วงเวลาที่ผิวฟื้นฟูตนเองให้กลับสดใส แข็งแรง กล้ามเนื้อใบหน้าผ่อนคลายเต็มที่ ริ้วรอยต่างๆ ที่เกิดจากการเกร็งกล้ามเนื้อในช่วงกลางวันจะค่อยคลายลงและดูนุ่มนวลขึ้นในเช้าอีกวัน

ควรนอนหลับวันละ 7-8 ชั่วโมงทุกวัน และนอนให้เป็นเวลา จะช่วยให้ระบบชีวภาพภายในร่างกายดำเนินไปตามปกติ ไม่รวน ในวันที่ต้องการพักผ่อนเป็นพิเศษ อาจเข้านอนก่อนเวลา แต่ควรตื่นในเวลาเดิมแม้จะเป็นวันหยุด จะตื่นสายก็ไม่ควรเกินครึ่งชั่วโมง

หลีกเลี่ยงการแอบงีบระหว่างวัน ถ้าง่วงจริงๆ ให้ทำสมาธิแทน จะช่วยให้รู้สึกแจ่มใส และร่างกายได้พักเหมือนกัน เพียงแต่จะไม่รบกวนวงจรการหลับในช่วงกลางคืน

หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกาแฟอีนหลังบ่ายสามโมง อย่างชา กาแฟ น้ำอัดลม (จำพวกที่มีชื่อเล่นว่าน้ำดำ) ช็อกโกแลต หรือแม้แต่เครื่องดื่มสกัดกาแฟอีนแล้ว ส่วนแอลกอฮอล์ อาจช่วยให้คุณง่วงและหลับเร็ว แต่จะเป็นการหลับที่ไม่สนิท

ควรจัดห้องนอนให้โปร่ง อากาศถ่ายเทสะดวก คนโบราณแนะนำให้หันหัวเตียงไปทางเหนือ เชื่อว่าแม่เหล็กโลกทางเหนือจะช่วยให้หลับสนิท

ผ่อนคลายกล้ามเนื้อใบหน้า

หลีกเลี่ยงการขมวดคิ้ว นิ่วหน้า หยีตา หรือการเกร็งกล้ามเนื้อใดๆ ระหว่างวันให้มากที่สุด การขยับกล้ามเนื้อและผิวในบริเวณใดซ้ำๆ กันเป็นเวลานาน จะก่อให้เกิดริ้วรอยในบริเวณนั้น

เริ่มจากวางกระจกไว้ที่โต๊ะทำงานหรือข้างโทรศัพท์ คอยเหลือบมองตนเองในกระจกคราวใดที่ใบหน้าเครียดเกร็งจะได้รู้ตัว วางสองนิ้วบนกล้ามเนื้อที่เกร็งขมวด ลูบเบาๆ เพื่อคลายอาการเกร็งการเหลือบมองตนเองในกระจกขณะโทรศัพท์ ยังช่วยให้จับได้ว่าตนเองชอบทำหน้าเช่นไรขณะพูด สีหน้าที่ปราศจากอาการเกร็ง นิ่ง ผ่อนคลายสบายๆ จะก่อให้เกิดริ้วรอยน้อยที่สุด ควรคงลักษณะสีหน้าเช่นนั้นไว้ให้มากที่สุด และหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่แสงจ้า ไม่อย่างนั้นคุณจะหรี่ตาติดต่อกันเป็นเวลานาน

อาหาร

ร่างกายทั้งระบบต้องการสารอาหารครบทั้งห้าหมู่ ผิวพรรณก็เช่นกัน ใส่ใจเรื่องการกิน ดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้ว สนใจอาหารที่อุดมกากใย เนื่องจากอาหารประเภทนี้จะอุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลากหลาย กากอาหารจะช่วยให้ร่างกายไม่ขาดน้ำและขับถ่ายของเสีย ขณะที่เครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์และกาแฟอีน จะดึงน้ำออกจากเซลล์ เซลล์อาจอยู่ในสภาพขาดน้ำ ทำให้ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารเต็มที่ การบริโภคติดต่อกันนานๆ ในปริมาณมากๆ ผิวจะสูญเสียความเปล่งปลั่ง ดูซีดเทาๆ ไม่สดใส

แนะนำให้ดื่มน้ำคั้นแยกกากจากผักผสมผลไม้อย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ผสมแครอต 2 หัว แอปเปิ้ลเขียว 1 ผล ผักชีฝรั่งกำเล็กๆ และขิงอีกนิดหน่อย ปั่นรวมกันในเครื่องแยกกาก แล้วดื่มทันที คุณอาจลองดื่มน้ำปั่นจากผักและผลไม้อื่นๆ ตามชอบ กล้วยหอมและมะเขือเทศปั่นสดก็อุดมด้วยสารบำรุงผิว น้ำผักและผลไม้ไม่เพียงให้ความสดชื่นทันทีที่ดื่ม ดื่มเป็นประจำผิวดีขึ้นจนคุณเองอาจรู้สึกได้

การดูแลผิว

อันดับแรก เลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยนกับผิว มองหาผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากส่วนผสมของสบู่ มีค่า pH ที่สมดุลกับผิว ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีจุดเด่นดังกล่าว มักจะแจ้งให้ทราบบนฉลาก ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าใดใช้แล้วรู้สึกผิวตึง เลิกใช้ได้เลย อย่าเสียดาย

ถ้าคุณไม่ใช่สาวผิวมันตัวจริงเสียงจริง การใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าในตอนเช้าอาจไม่จำเป็น (ยกเว้นเมื่อคืนคุณจะหลับทั้งไม่ล้างหน้า) ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าก็เพียงพอ โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแห้งมาก จากนั้นลงมอยส์เจอไรเซอร์ตามขณะที่ผิวยังชื้นน้ำ สำหรับผู้ที่ผิวผสมจะขอลงผลิตภัณฑ์ล้างหน้าเฉพาะช่วงทีโซนก็พอ

17 ส.ค. 2555


>>http://www.neolifeonlinecenter.com/ผลิตภัณฑ์นีโอไลฟ์/อาหารเสริมนีโอไลฟ์/?id=korrapak

จากค่านิยมเดิมๆที่ทราบกันว่า การบริโภคไข่ทุกวันนั้น จะไปเพิ่มระดับคลอเลสเตอรอลในเลือด ทางคุณหมอบอกว่าอยากให้เลิกค่านิยมดังกล่าวเสีย เพราะข้อเท็จจริงในปัจจุบันนั้น ไข่นับว่าเป็นอาหารราคาถูก ปรุงง่าย แต่มากด้วยคณค่าและเป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุด 

การที่หลายๆคนมีระดับคลอเสลเตอรอลในเลือดสูงนั้น เป็นเพราะตับทำงานไม่มีประสิทธิภาพเอง คุณหมอยังกล่าวอีกว่า สำหรับคนที่มีระดับคลอเลสเตอรอลสูงในระดับ 200 นั้น หากทานไข่แล้ว มันไปเพิ่มอีกเพียง 20 แต่ตรงกันข้ามประโยชน์ที่ได้จากการทานไข่ มันมากกว่าไอ้ส่วนที่ไปเพิ่มระดับคลอเลสเตอรอลในเลือด 

คุณหมอบอกว่า โรคอัลไซเมอร์นั้น ผลการวิจัยล่าสุด ระบุว่า เป็นเพราะอาการเลือดในสมองน้อย หรือเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ การรับประทานไข่ทุกวันๆละ อย่างน้อย 2 ฟอง จะช่วยได้มาก คุณหมอยังอ้างถึงและพูดถึงผู้สูงอายุว่าการบริโภคไข่ทุกวันนั้น ไม่มีปัญหาดังที่เราๆเข้าใจกันแบบผิดๆ คุณหมอรักษาผู้สูงอายุหลายๆคนที่มาให้การรักษาในหลายๆโรค ขนาดอายุ 80 กว่า คุณหมอยังแนะนำให้ทานไข่วันละ 2 ฟอง ผลก็คืออาการของโรคที่รักษาบรรเทาลง คนไข้มีอาการดีขึ้นกว่าเดิมมาก จากที่เดินไม่ค่อยได้ ก็กลับมาเดินได้ นี่เป็นตัวอย่างหนึ่ง 

อย่างไรก็ตาม ไข่มีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นไข่ไก่,ไข่เป็ด,ไข่นกกระทา, และอีกหลายๆชนิด แต่ไข่ไก่ดีที่สุดในกลุ่ม ส่วนการนำมาประกอบอาหารนั้นแล้วแต่ใจชอบ ประกอบอาหารแบบไหนได้ทั้งนั้น คุณหมอเสริมว่า ส่วนของไข่ที่ดีที่สุดนั้น อยู่ที่จุดๆหนึ่งในไข่แดงที่มีลักษณะคล้ายๆเส้นใยยึดส่วนอื่นๆไว้ (หากไม่เคยสังเกต ก็ลองเตาะไข่ดิบดู) พร้อมกันนี้ ก็ได้มีการยกแผนภูมินำมาประกอบว่าประเทศไทยมีการบริโภคไข่ต่อคนมากน้อยเพียงใด ปรากฎว่า ต่ำกว่าหลายๆประเทศที่เจริญแล้ว โดยประเทศที่บริโภคไข่ต่อคนสูงสุด ก็คือญี่ปุ่น รองๆลงมาก็มีจีนแดง, สหรัฐอเมริกา, ฯลฯ คุณหมอยังให้ข้อคิดว่า ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ประชาชนส่วนใหญ่มีสติปัญญาที่ดี ทำไมอาหารมื้อเช้าทุกวัน ยังมีไข่เป็นส่วนประกอบเสมอ และทานกันทุกวัน แต่เรากลับยึดถือแต่ค่านิยมเรื่องคลอเลสเตอรอล.... 

การบริโภคไข่จะช่วยบำรุงสมองเป็นอย่างดี ไข่นี่แหละสุดยอดของอาหารแล้ว หากอยากฉลาด ต้องทานไข่ คุณหมอยังเสริมว่าภาวะเลือดที่ข้นเกินไป จะไม่เป็นผลดี เพราะการนำสารอาหารไปหล่อเลี้ยงร่างกายจะไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นควรดื่มน้ำสะอาดให้มากๆในแต่ละวัน

ที่มา : HeyhaParty
บางครั้ง คนเรามองข้ามสิ่งใกล้ตัวไป แต่หารู้ไม่ว่า สิ่งนั้นมีประโยชน์มากจนอาจนึกไม่ถึง เช่นเดียวกันกับประโยชน์ของเครื่องทำ น้ำอุ่น ที่หลายครัวเรือนมีไว้ติดบ้าน นอกจากจะทำหน้าที่ทำความร้อนแก่น้ำตามอุณหภูมิที่ผู้ใช้ต้องการแล้ว น้ำอุ่น ที่ได้จากเครื่องยังถูกใช้เพื่อความสวยความงามบนเรือนร่างตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอีกด้วย ใครกำลังอยากอินเทรนด์เข้าสปากับเขาบ้าง แต่กระเป๋าไม่หนักพอ วันนี้เราจึงขอเผยวิธีสปาตัวเองง่ายๆแต่ได้ผลที่บ้าน เพื่อให้คุณผู้อ่านได้ยิ้มรับความสวยหล่อกันถ้วนหน้า

สปาผม ใครๆก็อยากมีผมนุ่มลื่น เงางาม มีน้ำหนัก และไม่ชี้ฟู เพียงแค่คุณมี น้ำอุ่น อยู่ในมือ บวกกับไข่หนึ่งฟองเท่านั้น! สำหรับผู้ที่มีหนังศีรษะไม่มัน นำ น้ำอุ่น ครึ่งแก้วผสมกับไข่แดงหนึ่งฟอง ตีให้เข้ากัน เสร็จแล้วให้ราดศีรษะด้วย น้ำอุ่น ให้ชุ่ม แล้วชโลมครีมไข่แดงที่ผสมไว้ให้ทั่ว นวดศีรษะเป็นวงกลม ทิ้งไว้ 8-10 นาที ล้างออกด้วย น้ำอุ่น แบบไม่ต้องสระซ้ำด้วยแชมพู ผมก็จะนุ่มสลวย เป็นเงางามไม่แตกปลาย แต่สำหรับผู้ที่มีหนังศีรษะมัน ให้เปลี่ยนจากไข่แดงเป็นไข่ขาว แล้วทำตามขั้นตอนเดียวกัน ทำอาทิตย์ละ 3 ครั้ง ผมจะค่อยๆปรับสภาพและหายมันในที่สุด

สปาหน้า หากคุณไม่มีเวลาเข้าร้านเสริมสวย แต่อยากสวยหล่อ น้ำอุ่น ก็ช่วยคุณได้อีกเช่นกัน โดยเตรียม น้ำอุ่น ค่อนไปทางร้อนใส่ไว้ในชาม หรือภาชนะอื่นๆที่สามารถจุ น้ำอุ่น ได้ในปริมาณพอควร จากนั้นใส่น้ำมะนาวครึ่งผลหรือชาคาโมมายล์ครึ่งถ้วยลงไป หากอยากผ่อนคลายมากยิ่งขึ้นอาจใส่เอสเซนเชียลออยล์กลิ่นที่ชอบลงไปประมาณ 2 หยด หลังจากนั้นให้อังหน้าเหนือชามน้ำร้อนประมาณ 20 เซนติเมตรนาน 10 นาที แต่ถ้าใครมีปัญหาเส้นเลือดฝอยบนใบหน้าให้ลดเหลือ 5 นาที เมื่อครบเวลา แล้วให้นั่งพักประมาณ 1 นาที แล้วใช้ผ้าชุบน้ำเย็นซับหน้าเพื่อกระชับรูขุมขนก็เป็นอันเสร็จ การสปาหน้าด้วย น้ำอุ่นนี้ นอกจากจะช่วยขจัดสิ่งอุดตันภายในรูขุมขนและ แก้ปัญหาสิวเสี้ยนแล้ว ยังไปกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตให้ผิวหน้าสะอาดใสและดูเปล่งปลั่งอีกด้วย ทำอาทิตย์ละครั้งกำลังดี!

สปาตัว ไม่ว่าจะเป็นสปาแบบไหน หัวใจสำคัญคือ “ความร้อนของน้ำ” ดังนั้นเคล็ดลับของการทำสปาตัวที่บ้านคือ การอาบน้ำร้อนสลับน้ำเย็น โดยตั้งน้ำร้อนไว้ที่อุณหภูมิประมาณ 39 องศาเซลเซียส และตามด้วยน้ำเย็นที่อุณหภูมิห้อง ซึ่งนอกจากจะสามารถช่วยสร้างสมดุล และความยืดหยุ่นให้กับผิวแล้ว ยังเป็นตัวเร่งการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย และช่วยคลายกล้ามเนื้อตลอดจนข้อต่อเพื่อลดความเมื่อยขบ หากบ้านใครมีอ่างอาบน้ำก็ควรแช่ น้ำอุ่น ก่อนนอนซึ่งจะทำให้กล้ามเนื้อที่เกร็งมาทั้งวันผ่อนคลาย กระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตและช่วยให้นอนหลับสนิท น้ำอุ่น ช่วยเพิ่มอุณหภูมิร่างกาย หลังจากนั้นเมื่ออุณหภูมิของร่างกายเย็นลง จะเป็นการช่วยให้หลับสนิทและสบายยิ่งขึ้น ผลลัพท์คือ ผิวพรรณที่เปล่งปลั่ง มีชีวิตชีวาทันตาเห็น ทีนี้ก็อวดผิวสวยได้ตามใจต้องการ

สปาเท้า เท้าเป็นส่วนที่รับน้ำหนักของร่างกายในทุกครั้งที่เราเดิน ด้วยการเรียน และการทำงานที่บังคับให้ต้องใส่รองเท้าหุ้มส้น เท้าของบางท่านเริ่มมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ ถ้าเข้าขั้นวิกฤตก็คือกลิ่นนั้นโชยออกมาทักทายเพื่อนบ้านให้หงายหลังไปตามๆกัน แต่วิธีแก้ก็ไม่ยาก เมื่อกลับถึงบ้านแล้ว ให้เตรียมน้ำอุ่นใส่อ่างใบเล็กๆไว้ แล้วนำถุงชาที่ชงแล้วสัก 4-5 ถุงมาแช่ไว้ หลังจากนั้นก็แช่เท้าของเราไว้สัก 5 นาที ทำอาทิตย์ละ 2 ครั้ง กลิ่นเท้าก็จะค่อยๆลดลง เพราะชาจะเปลี่ยนความเป็นกรดด่างและช่วยหยุดยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของกลิ่นเท้าได้ หรือถ้าใครไม่นิยมดื่มน้ำชาก็สามารถใช้อย่างอื่นแทนได้ดังต่อไปนี้

1. น้ำอุ่น ผสมน้ำส้มสายชูกับด่างทับทิม

2. น้ำอุ่น ผสมส้มฝานบางๆหรือน้ำมะนาว

3. น้ำอุ่น ผสมกระเทียมทุก 2-3 กลีบ

4. น้ำอุ่น ผสมน้ำมะขามเปียก

วิธีการทำ สปา ให้สวยหล่อตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเหล่านี้ ใช้วัสดุอุปกรณ์ที่หาง่าย เพียงแค่คุณมีเครื่องทำน้ำอุ่นสักเครื่องที่บ้านก็สำเร็จไปแล้ว 99 เปอร์เซ็นต์ คุณประโยชน์ของน้ำอุ่นมีมากมายและหลากหลายแบบนี้ สาวกความสวยความงามทั้งหลายอย่าลืมกลับไปทำสปาแสนง่ายเช่นนี้ที่บ้าน ทั้งสวยขึ้น ดูดีขึ้น และที่สำคัญ ประหยัดเงินขึ้นอีกด้วย!

สนับสนุนข้อมูลโดย สตีเบล เอลทรอน

6 ส.ค. 2555

http://www.neolifeonlinecenter.com/ผลิตภัณฑ์นีโอไลฟ์/อาหารเสริมนีโอไลฟ์/?id=korrapak

***ตะไคร้ สมุนไพรคู่่ครัวไทย***

ตะไคร้ (Lemongrass) เป็นพืชล้มลุก ความสูงประมาณ 4-6 ฟุต ใบยาวเรียว ปลายใบมีขนหนาม ลำต้นรวมกันเป็นกอ มีกลิ่นหอม ดอกออกเป็นช่อยาวมีดอกเล็กฝอยเป็นจำนวนมาก ตะไคร้เป็นพืชที่สามารถนำส่วนต้นหัวไปประกอบอาหาร และจัดเป็นพืชสมุนไพรด้วย

ส่วนที่ใช้ต้น หัว ใบ ราก และต้น

สรรพคุณ

ทั้งต้น : ใช้เป็นยารักษาโรคหืด แก้ปวดท้อง ขับปัสสาวะและแก้อหิวาตกโรค หรือทำเป็นยาทานวดก็ได้ และยังใช้รวมกับสมุนไพรชนิดอื่นรักษาโรคได้ เช่น บำรุงธาตุ เจริญอาหาร และขับเหงื่อ

หัว : เป็นยารักษาเกลื้อน แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ปัสสาวะพิการ แก้นิ่ว บำรุงไฟธาตุ แก้อาการขัดเบา ถ้าใช้รวมกับสมุนไพรชนิดอื่น จะเป็นยาแก้อาเจียน แก้ทราง ยานอนหลับลดความดันสูง แก้ลมอัมพาต แก้กษัยเส้น และแก้ลมใบ ใบสด ๆ จะช่วยลดความดันโลหิตสูง แก้ไข้

ราก : ใช้เป็นยาแก้ไข้เหนือ ปวดท้องและท้องเสีย

ต้น : ใช้เป็นยาแก้ขับลม แก้เบื่ออาหาร แก้ผมแตก แก้โรคทางเดินปัสสาวะ นิ่ว เป็นยาบำรุงไฟธาตุให้เจริญ แต่ถ้าเอาผสมกับสมุนไพรชนิดอื่น จะแก้โรคหนองใน และนอกจากนี้ยังใช้ดับกลิ่นคาวด้วย

วิธีทำน้ำตะไคร้เมื่อมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด นำเอาตะไคร้ที่มีลำต้นแก่ และสด ๆ มา ประมาณ 1 กำมือ ทุบให้แหลกพอดีแล้วนำไปต้มน้ำดื่ม หรืออีกวิธีหนึ่งเอาตะไคร้ทั้งต้นรากด้วยมาสัก 5 ต้นแล้วสับเป็นท่อนต้นกับเกลือ จากน้ำ 3 ส่วนให้เหลือเพียง 1 ส่วนแล้วทานสัก 3 วัน ๆ ละ 1 ถ้วยแก้วก็จะหาย

ที่มา : ชวนกินดอทคอม

วิธีทําให้ผิวขาว 12 วิธี... บอกลาผิวหม่นหมอง


 http://puresente.neolifeinter.net/?id=korrapak
การมีผิวขาวใสเป็นสุดยอดปราถนาของคุณผู้หญิงทุกคน วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับ วิธีทําให้ผิวขาว บอกลาผิวหม่นหมองด้วยวิธีธรรมชาติๆ มาฝากเพื่อนๆ กันด้วยค่ะ 

1. การขัดผิว เป็นวิธีทําให้ผิวขาว ที่ขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปจากผิว โดยการใช้สครับที่มีขายตามท้องตลาด หรือจะเป็นสครับจากธรรมชาติง่าย ๆ แต่ได้ผล ซึ่งมีหลากหลายสูตรให้เลือก ได้แก่ มะละกอ นมสด มะขามเปียก น้ำผึ้ง โยเกิร์ต มะนาว  โดยนำอย่างใดอย่างหนึ่งมาผสมกับเกลือทะเลเพื่อให้มีเม็ดสำหรับขัดผิว เพียงเท่านี้คุณก็มีสครับขัดผิวได้ง่าย ๆ แล้ว หรือจะใช้ใยบวบในการช่วยขัดผิวก็ได้ การขัดผิวนี้จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดลอกออกไป แล้วเผยผิวใหม่ที่แน่นอนว่าต้องสว่างใสกว่าเดิม และควรทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อการปรนนิบัติและดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง

2. เอเอชเอ หรือกรดผลไม้ มีขายทั่วไปตามคลินิกเสริมความงามหรือร้านขายยาทั่วไป ใช้สำหรับทาบนใบหน้าสัปดาห์ละ 2 ครั้งเพื่อกระตุ้นให้เซลล์ผิวเก่าหลุดลอกออกมา เป็น วิธีทําให้ผิวขาว เผยผิวใหม่ที่ขาวผ่อง แต่การใช้เอเอชเอนี้ ต้องดูแลและระวังเรื่องการออกแดด เพราะผิวคุณจะบางลงและไวต่อแดดมากกว่าเดิม

3. น้ำนมเพื่อผิวขาว ไม่จำเป็นต้องลงไปแช่ในอ่างที่มีน้ำนมอยู่เต็มอ่าง แต่คุณสามารถทำตาม วิธีทําให้ผิวขาว ได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้น้ำนมทาบนผิวโดยตรง อาจใช้ใยบวบช่วยเพื่อขัดผิวไปด้วยเบา ๆ ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ทำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ผิวจะค่อย ๆ ขาวขึ้น

4. ผลไม้รสเปรี้ยว ช่วยในการขัดขี้ไคล เป็น วิธีทําให้ผิวขาว ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยใช้ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น มะนาว สับปะรด มะขามเปียก ส้ม เพราะมีความเป็นกรด ช่วยทำความสะอาดผิวให้ขาวใส และกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกมาได้ แต่หากคุณเป็นคนผิวบาง ไม่ควรใช้มะนาวหรือสับปะรดที่มีความเป็นกรดสูง ควรใช้ส้มเช้งที่มีคุณสมบัติคล้าย ๆ กันก็ได้

5. ครีมบำรุงเพื่อผิวขาว ควรใช้ครีมบำรุงที่มีไวท์เทนนิ่งเพื่อผิวขาวในตอนเย็น และทาซ้ำก่อนนอนเพื่อเสริมประสิทธิภาพของครีมบำรุงให้บำรุงอย่างต่อเนื่อง ส่วนตอนกลางวันให้ทาไวท์เทนนิ่งเพียงบาง ๆ แล้วตามด้วยครีมกันแดด หรือจะใช้ไวท์เทนนิ่งที่มีส่วนผสมของสารป้องกันแสงแดดก็ได้ แต่หากสาว ๆ คนไหน อยู่ติดบ้าน ไม่ได้ออกไปเผชิญแสงแดดเลย ใช้ไวท์เทนนิ่งตัวเดียว ทาวันละ 2-3 ครั้งก็เอาอยู่แล้วจ้า

6. ครีมกันแดด ควรเป็นสิ่งที่สาว ๆ ต้องมีติดกระเป๋าอยู่ตลอดเวลา ในกรณีที่คุณต้องเผชิญกับแสงแดดจัดโดยไม่ได้วางแผนมาก่อนจะได้หยิบขึ้นมาใช้ได้ทันการทันเวลา และอย่าลืมว่า ครีมกันแดดจำเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากคุณเพิ่งขัดผิวหรือใช้เอเอชเอกับผิวมาหมาด ๆ เพราะผิวคุณจะไวต่อแดดมาก จึงควรทาครีมกันแดด 20 นาทีก่อนออกแดดทุกครั้ง และทาซ้ำอีกทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง

7. ทานอาหารให้เหมาะสม โดยให้มีผักและผลไม้ในอัตราส่วนครึ่งต่อครึ่งทุกมื้อ เพราะผักผลไม้เป็นอาหารที่ย่อยง่าย ช่วยเรื่องของการขับถ่าย และยังมีแอนตี้อ็อกซิแดนซ์ที่ทำให้ผิวสวยกระชับอีกด้วย ซึ่งเมื่อร่างกายขับถ่ายตามปกติแล้ว หน้าตาผิวพรรณก็จะสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

8. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยขับเหงื่อไคล และสิ่งสกปรกใต้ผิวรวมถึงสารพิษออกมา ซึ่งจะทำให้ผิวดูสว่างสดใสขึ้น ยิ่งออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง ก็ยิ่งทำให้ผิวสดใสอยู่ตลอดเวลา แถมการออกกำลังกายยังช่วยลดการอุดตันของสิ่งสกปรกใต้ผิว ทำให้ไม่มีสิวอีกด้วย

9. วิตามินซีเพื่อผิวสวย วิตามินซีมีสรรพคุณช่วยให้ผิวสวยสดใส ดังนั้นจึงเป็นสารอาหารที่ร่างกายควรได้รับอยู่เสมอ ไม่ว่าจะจากการทานผักผลไม้ เช่น ส้ม ฝรั่ง มะนาว หรือหากได้รับในแต่ละวันไม่เพียงพอ ก็อาจจะทานวิตามินแบบเม็ดที่ขายในร้านขายยาก็ได้ วิธีทําให้ผิวขาว นี้จะช่วยในเรื่องผิวและมีส่วนช่วยในเรื่องการขับถ่ายไปพร้อม ๆ กัน

10. การอบไอน้ำผิวหน้า เป็นการทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่ในรูขุมขนอย่างลึกซึ้ง ช่วยทั้งเรื่องของผิวสะอาดสว่างใส เป็นทั้ง วิธีทําให้ผิวขาว และช่วยขจัดสิวไปพร้อม ๆ กัน โดยวิธีอบไอน้ำผิวหน้านั้นก็ทำได้ง่าย ๆ เพียงตั้งกะทะต้มน้ำจนเดือด จากนั้นน้ำกะทะมาวางบนโต๊ะแล้วยื่นหน้าให้อยู่เหนือไอน้ำ ความร้อนจะช่วยเปิดรูขุมขน และไอน้ำจะเข้าไปทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขนค่ะ

11. เมคอัพช่วยได้ ใช้ครีมรองพื้นและแป้งที่สว่างกว่าผิวจริง 1 ระดับสี และหลังจากแต่งหน้าแล้วให้นำพู่กันแตะแป้งกลิตเตอร์ประกายมุกปัดบริเวณหน้าผากและโหนกแก้ม ก็จะช่วยให้หน้าดูสว่างใสขึ้นได้เยอะเลยทีเดียว

12. สารพัดสูตรพอกหน้า นอกจากการขัดผิวแล้ว สาว ๆ ที่อยากมีผิวขาวสุขภาพดีควรพอกหน้า รวมถึงผิวกายให้ได้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง โดยสูตรผิวขาวที่สามารถทำเองได้จากวัตถุดิบในบ้านนั้นก็มีมากมาย ที่สำคัญยังเห็นผลชัดอีกด้วยหากทำอย่างต่อเนื่อง และสูตรวิธีทำให้ผิวขาว ที่หยิบยกมาฝากกัน มีดังนี้
  •  วิธีทําให้ผิวขาว : สูตรมะละกอนมสด นำมะละกอมาบดผสมกับนมสด คนให้เข้ากัน จากนั้นนำไปพอกบนใบหน้าหรือผิวกายทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออก
  • วิธีทําให้ผิวขาว : โยเกิร์ตผสมมะนาว มะนาวเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีความเป็นกรดสูงมาก จนอาจทำให้แสบผิวได้ ดังนั้นการนำมะนาวมาผสมโยเกิร์ตแล้วนำไปทาผิวทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จะช่วยลดการระคายเคืองผิว และมะนาวจะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ที่ใสกว่าเดิม 
  • วิธีทําให้ผิวขาว : น้ำมันมะพร้าวเพื่อผิวเนียนนุ่ม เป็นสูตรโบราณที่ใช้ได้ผลมาก น้ำมันมะพร้าวจะช่วยในเรื่องการทำให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื้น แม้เพียงครั้งแรกที่ได้นำน้ำมันมะพร้าวมาทาผิว รับรองได้เลยว่า สาว ๆ จะรู้สึกถึงความเนียนนุ่มได้ทันทีเลยล่ะ
  • วิธีทําให้ผิวขาว : น้ำผึ้งและโยเกิร์ต นำส่วนผสมดังกล่าวพอกลงบนใบหน้าหรือผิวกายประมาณ 30 นาทีก่อนล้างออก ช่วยให้ผิวขาวและนุ่มขึ้นได้ สามารถทำได้วันเว้นวันค่ะ
  • วิธีทําให้ผิวขาว : กล้วยหอมและนมสด นำมาบดผสมกัน จากนั้นนำไปพอกผิวในบริเวณที่ต้องการ จะทำให้ผิวขาวเนียนสวยได้ สามารถทำได้วันเว้นวันเช่นกัน


 http://puresente.neolifeinter.net/?id=korrapak
การมีผิวขาวใสเป็นสุดยอดปราถนาของคุณผู้หญิงทุกคน วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับ วิธีทําให้ผิวขาว บอกลาผิวหม่นหมองด้วยวิธีธรรมชาติๆ มาฝากเพื่อนๆ กันด้วยค่ะ 

1. การขัดผิว เป็นวิธีทําให้ผิวขาว ที่ขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปจากผิว โดยการใช้สครับที่มีขายตามท้องตลาด หรือจะเป็นสครับจากธรรมชาติง่าย ๆ แต่ได้ผล ซึ่งมีหลากหลายสูตรให้เลือก ได้แก่ มะละกอ นมสด มะขามเปียก น้ำผึ้ง โยเกิร์ต มะนาว  โดยนำอย่างใดอย่างหนึ่งมาผสมกับเกลือทะเลเพื่อให้มีเม็ดสำหรับขัดผิว เพียงเท่านี้คุณก็มีสครับขัดผิวได้ง่าย ๆ แล้ว หรือจะใช้ใยบวบในการช่วยขัดผิวก็ได้ การขัดผิวนี้จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดลอกออกไป แล้วเผยผิวใหม่ที่แน่นอนว่าต้องสว่างใสกว่าเดิม และควรทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อการปรนนิบัติและดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง

2. เอเอชเอ หรือกรดผลไม้ มีขายทั่วไปตามคลินิกเสริมความงามหรือร้านขายยาทั่วไป ใช้สำหรับทาบนใบหน้าสัปดาห์ละ 2 ครั้งเพื่อกระตุ้นให้เซลล์ผิวเก่าหลุดลอกออกมา เป็น วิธีทําให้ผิวขาว เผยผิวใหม่ที่ขาวผ่อง แต่การใช้เอเอชเอนี้ ต้องดูแลและระวังเรื่องการออกแดด เพราะผิวคุณจะบางลงและไวต่อแดดมากกว่าเดิม

3. น้ำนมเพื่อผิวขาว ไม่จำเป็นต้องลงไปแช่ในอ่างที่มีน้ำนมอยู่เต็มอ่าง แต่คุณสามารถทำตาม วิธีทําให้ผิวขาว ได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้น้ำนมทาบนผิวโดยตรง อาจใช้ใยบวบช่วยเพื่อขัดผิวไปด้วยเบา ๆ ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ทำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ผิวจะค่อย ๆ ขาวขึ้น

4. ผลไม้รสเปรี้ยว ช่วยในการขัดขี้ไคล เป็น วิธีทําให้ผิวขาว ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยใช้ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น มะนาว สับปะรด มะขามเปียก ส้ม เพราะมีความเป็นกรด ช่วยทำความสะอาดผิวให้ขาวใส และกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกมาได้ แต่หากคุณเป็นคนผิวบาง ไม่ควรใช้มะนาวหรือสับปะรดที่มีความเป็นกรดสูง ควรใช้ส้มเช้งที่มีคุณสมบัติคล้าย ๆ กันก็ได้

5. ครีมบำรุงเพื่อผิวขาว ควรใช้ครีมบำรุงที่มีไวท์เทนนิ่งเพื่อผิวขาวในตอนเย็น และทาซ้ำก่อนนอนเพื่อเสริมประสิทธิภาพของครีมบำรุงให้บำรุงอย่างต่อเนื่อง ส่วนตอนกลางวันให้ทาไวท์เทนนิ่งเพียงบาง ๆ แล้วตามด้วยครีมกันแดด หรือจะใช้ไวท์เทนนิ่งที่มีส่วนผสมของสารป้องกันแสงแดดก็ได้ แต่หากสาว ๆ คนไหน อยู่ติดบ้าน ไม่ได้ออกไปเผชิญแสงแดดเลย ใช้ไวท์เทนนิ่งตัวเดียว ทาวันละ 2-3 ครั้งก็เอาอยู่แล้วจ้า

6. ครีมกันแดด ควรเป็นสิ่งที่สาว ๆ ต้องมีติดกระเป๋าอยู่ตลอดเวลา ในกรณีที่คุณต้องเผชิญกับแสงแดดจัดโดยไม่ได้วางแผนมาก่อนจะได้หยิบขึ้นมาใช้ได้ทันการทันเวลา และอย่าลืมว่า ครีมกันแดดจำเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากคุณเพิ่งขัดผิวหรือใช้เอเอชเอกับผิวมาหมาด ๆ เพราะผิวคุณจะไวต่อแดดมาก จึงควรทาครีมกันแดด 20 นาทีก่อนออกแดดทุกครั้ง และทาซ้ำอีกทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง

7. ทานอาหารให้เหมาะสม โดยให้มีผักและผลไม้ในอัตราส่วนครึ่งต่อครึ่งทุกมื้อ เพราะผักผลไม้เป็นอาหารที่ย่อยง่าย ช่วยเรื่องของการขับถ่าย และยังมีแอนตี้อ็อกซิแดนซ์ที่ทำให้ผิวสวยกระชับอีกด้วย ซึ่งเมื่อร่างกายขับถ่ายตามปกติแล้ว หน้าตาผิวพรรณก็จะสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

8. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยขับเหงื่อไคล และสิ่งสกปรกใต้ผิวรวมถึงสารพิษออกมา ซึ่งจะทำให้ผิวดูสว่างสดใสขึ้น ยิ่งออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง ก็ยิ่งทำให้ผิวสดใสอยู่ตลอดเวลา แถมการออกกำลังกายยังช่วยลดการอุดตันของสิ่งสกปรกใต้ผิว ทำให้ไม่มีสิวอีกด้วย

9. วิตามินซีเพื่อผิวสวย วิตามินซีมีสรรพคุณช่วยให้ผิวสวยสดใส ดังนั้นจึงเป็นสารอาหารที่ร่างกายควรได้รับอยู่เสมอ ไม่ว่าจะจากการทานผักผลไม้ เช่น ส้ม ฝรั่ง มะนาว หรือหากได้รับในแต่ละวันไม่เพียงพอ ก็อาจจะทานวิตามินแบบเม็ดที่ขายในร้านขายยาก็ได้ วิธีทําให้ผิวขาว นี้จะช่วยในเรื่องผิวและมีส่วนช่วยในเรื่องการขับถ่ายไปพร้อม ๆ กัน

10. การอบไอน้ำผิวหน้า เป็นการทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่ในรูขุมขนอย่างลึกซึ้ง ช่วยทั้งเรื่องของผิวสะอาดสว่างใส เป็นทั้ง วิธีทําให้ผิวขาว และช่วยขจัดสิวไปพร้อม ๆ กัน โดยวิธีอบไอน้ำผิวหน้านั้นก็ทำได้ง่าย ๆ เพียงตั้งกะทะต้มน้ำจนเดือด จากนั้นน้ำกะทะมาวางบนโต๊ะแล้วยื่นหน้าให้อยู่เหนือไอน้ำ ความร้อนจะช่วยเปิดรูขุมขน และไอน้ำจะเข้าไปทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขนค่ะ

11. เมคอัพช่วยได้ ใช้ครีมรองพื้นและแป้งที่สว่างกว่าผิวจริง 1 ระดับสี และหลังจากแต่งหน้าแล้วให้นำพู่กันแตะแป้งกลิตเตอร์ประกายมุกปัดบริเวณหน้าผากและโหนกแก้ม ก็จะช่วยให้หน้าดูสว่างใสขึ้นได้เยอะเลยทีเดียว

12. สารพัดสูตรพอกหน้า นอกจากการขัดผิวแล้ว สาว ๆ ที่อยากมีผิวขาวสุขภาพดีควรพอกหน้า รวมถึงผิวกายให้ได้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง โดยสูตรผิวขาวที่สามารถทำเองได้จากวัตถุดิบในบ้านนั้นก็มีมากมาย ที่สำคัญยังเห็นผลชัดอีกด้วยหากทำอย่างต่อเนื่อง และสูตรวิธีทำให้ผิวขาว ที่หยิบยกมาฝากกัน มีดังนี้
  •  วิธีทําให้ผิวขาว : สูตรมะละกอนมสด นำมะละกอมาบดผสมกับนมสด คนให้เข้ากัน จากนั้นนำไปพอกบนใบหน้าหรือผิวกายทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออก
  • วิธีทําให้ผิวขาว : โยเกิร์ตผสมมะนาว มะนาวเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีความเป็นกรดสูงมาก จนอาจทำให้แสบผิวได้ ดังนั้นการนำมะนาวมาผสมโยเกิร์ตแล้วนำไปทาผิวทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จะช่วยลดการระคายเคืองผิว และมะนาวจะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ที่ใสกว่าเดิม 
  • วิธีทําให้ผิวขาว : น้ำมันมะพร้าวเพื่อผิวเนียนนุ่ม เป็นสูตรโบราณที่ใช้ได้ผลมาก น้ำมันมะพร้าวจะช่วยในเรื่องการทำให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื้น แม้เพียงครั้งแรกที่ได้นำน้ำมันมะพร้าวมาทาผิว รับรองได้เลยว่า สาว ๆ จะรู้สึกถึงความเนียนนุ่มได้ทันทีเลยล่ะ
  • วิธีทําให้ผิวขาว : น้ำผึ้งและโยเกิร์ต นำส่วนผสมดังกล่าวพอกลงบนใบหน้าหรือผิวกายประมาณ 30 นาทีก่อนล้างออก ช่วยให้ผิวขาวและนุ่มขึ้นได้ สามารถทำได้วันเว้นวันค่ะ
  • วิธีทําให้ผิวขาว : กล้วยหอมและนมสด นำมาบดผสมกัน จากนั้นนำไปพอกผิวในบริเวณที่ต้องการ จะทำให้ผิวขาวเนียนสวยได้ สามารถทำได้วันเว้นวันเช่นกัน

วิธีทําให้ผิวขาว 12 วิธี... บอกลาผิวหม่นหมอง


 http://puresente.neolifeinter.net/?id=korrapak
การมีผิวขาวใสเป็นสุดยอดปราถนาของคุณผู้หญิงทุกคน วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับ วิธีทําให้ผิวขาว บอกลาผิวหม่นหมองด้วยวิธีธรรมชาติๆ มาฝากเพื่อนๆ กันด้วยค่ะ 

1. การขัดผิว เป็นวิธีทําให้ผิวขาว ที่ขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปจากผิว โดยการใช้สครับที่มีขายตามท้องตลาด หรือจะเป็นสครับจากธรรมชาติง่าย ๆ แต่ได้ผล ซึ่งมีหลากหลายสูตรให้เลือก ได้แก่ มะละกอ นมสด มะขามเปียก น้ำผึ้ง โยเกิร์ต มะนาว  โดยนำอย่างใดอย่างหนึ่งมาผสมกับเกลือทะเลเพื่อให้มีเม็ดสำหรับขัดผิว เพียงเท่านี้คุณก็มีสครับขัดผิวได้ง่าย ๆ แล้ว หรือจะใช้ใยบวบในการช่วยขัดผิวก็ได้ การขัดผิวนี้จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดลอกออกไป แล้วเผยผิวใหม่ที่แน่นอนว่าต้องสว่างใสกว่าเดิม และควรทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อการปรนนิบัติและดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง

2. เอเอชเอ หรือกรดผลไม้ มีขายทั่วไปตามคลินิกเสริมความงามหรือร้านขายยาทั่วไป ใช้สำหรับทาบนใบหน้าสัปดาห์ละ 2 ครั้งเพื่อกระตุ้นให้เซลล์ผิวเก่าหลุดลอกออกมา เป็น วิธีทําให้ผิวขาว เผยผิวใหม่ที่ขาวผ่อง แต่การใช้เอเอชเอนี้ ต้องดูแลและระวังเรื่องการออกแดด เพราะผิวคุณจะบางลงและไวต่อแดดมากกว่าเดิม

3. น้ำนมเพื่อผิวขาว ไม่จำเป็นต้องลงไปแช่ในอ่างที่มีน้ำนมอยู่เต็มอ่าง แต่คุณสามารถทำตาม วิธีทําให้ผิวขาว ได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้น้ำนมทาบนผิวโดยตรง อาจใช้ใยบวบช่วยเพื่อขัดผิวไปด้วยเบา ๆ ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ทำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ผิวจะค่อย ๆ ขาวขึ้น

4. ผลไม้รสเปรี้ยว ช่วยในการขัดขี้ไคล เป็น วิธีทําให้ผิวขาว ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยใช้ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น มะนาว สับปะรด มะขามเปียก ส้ม เพราะมีความเป็นกรด ช่วยทำความสะอาดผิวให้ขาวใส และกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกมาได้ แต่หากคุณเป็นคนผิวบาง ไม่ควรใช้มะนาวหรือสับปะรดที่มีความเป็นกรดสูง ควรใช้ส้มเช้งที่มีคุณสมบัติคล้าย ๆ กันก็ได้

5. ครีมบำรุงเพื่อผิวขาว ควรใช้ครีมบำรุงที่มีไวท์เทนนิ่งเพื่อผิวขาวในตอนเย็น และทาซ้ำก่อนนอนเพื่อเสริมประสิทธิภาพของครีมบำรุงให้บำรุงอย่างต่อเนื่อง ส่วนตอนกลางวันให้ทาไวท์เทนนิ่งเพียงบาง ๆ แล้วตามด้วยครีมกันแดด หรือจะใช้ไวท์เทนนิ่งที่มีส่วนผสมของสารป้องกันแสงแดดก็ได้ แต่หากสาว ๆ คนไหน อยู่ติดบ้าน ไม่ได้ออกไปเผชิญแสงแดดเลย ใช้ไวท์เทนนิ่งตัวเดียว ทาวันละ 2-3 ครั้งก็เอาอยู่แล้วจ้า

6. ครีมกันแดด ควรเป็นสิ่งที่สาว ๆ ต้องมีติดกระเป๋าอยู่ตลอดเวลา ในกรณีที่คุณต้องเผชิญกับแสงแดดจัดโดยไม่ได้วางแผนมาก่อนจะได้หยิบขึ้นมาใช้ได้ทันการทันเวลา และอย่าลืมว่า ครีมกันแดดจำเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากคุณเพิ่งขัดผิวหรือใช้เอเอชเอกับผิวมาหมาด ๆ เพราะผิวคุณจะไวต่อแดดมาก จึงควรทาครีมกันแดด 20 นาทีก่อนออกแดดทุกครั้ง และทาซ้ำอีกทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง

7. ทานอาหารให้เหมาะสม โดยให้มีผักและผลไม้ในอัตราส่วนครึ่งต่อครึ่งทุกมื้อ เพราะผักผลไม้เป็นอาหารที่ย่อยง่าย ช่วยเรื่องของการขับถ่าย และยังมีแอนตี้อ็อกซิแดนซ์ที่ทำให้ผิวสวยกระชับอีกด้วย ซึ่งเมื่อร่างกายขับถ่ายตามปกติแล้ว หน้าตาผิวพรรณก็จะสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

8. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยขับเหงื่อไคล และสิ่งสกปรกใต้ผิวรวมถึงสารพิษออกมา ซึ่งจะทำให้ผิวดูสว่างสดใสขึ้น ยิ่งออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง ก็ยิ่งทำให้ผิวสดใสอยู่ตลอดเวลา แถมการออกกำลังกายยังช่วยลดการอุดตันของสิ่งสกปรกใต้ผิว ทำให้ไม่มีสิวอีกด้วย

9. วิตามินซีเพื่อผิวสวย วิตามินซีมีสรรพคุณช่วยให้ผิวสวยสดใส ดังนั้นจึงเป็นสารอาหารที่ร่างกายควรได้รับอยู่เสมอ ไม่ว่าจะจากการทานผักผลไม้ เช่น ส้ม ฝรั่ง มะนาว หรือหากได้รับในแต่ละวันไม่เพียงพอ ก็อาจจะทานวิตามินแบบเม็ดที่ขายในร้านขายยาก็ได้ วิธีทําให้ผิวขาว นี้จะช่วยในเรื่องผิวและมีส่วนช่วยในเรื่องการขับถ่ายไปพร้อม ๆ กัน

10. การอบไอน้ำผิวหน้า เป็นการทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่ในรูขุมขนอย่างลึกซึ้ง ช่วยทั้งเรื่องของผิวสะอาดสว่างใส เป็นทั้ง วิธีทําให้ผิวขาว และช่วยขจัดสิวไปพร้อม ๆ กัน โดยวิธีอบไอน้ำผิวหน้านั้นก็ทำได้ง่าย ๆ เพียงตั้งกะทะต้มน้ำจนเดือด จากนั้นน้ำกะทะมาวางบนโต๊ะแล้วยื่นหน้าให้อยู่เหนือไอน้ำ ความร้อนจะช่วยเปิดรูขุมขน และไอน้ำจะเข้าไปทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขนค่ะ

11. เมคอัพช่วยได้ ใช้ครีมรองพื้นและแป้งที่สว่างกว่าผิวจริง 1 ระดับสี และหลังจากแต่งหน้าแล้วให้นำพู่กันแตะแป้งกลิตเตอร์ประกายมุกปัดบริเวณหน้าผากและโหนกแก้ม ก็จะช่วยให้หน้าดูสว่างใสขึ้นได้เยอะเลยทีเดียว

12. สารพัดสูตรพอกหน้า นอกจากการขัดผิวแล้ว สาว ๆ ที่อยากมีผิวขาวสุขภาพดีควรพอกหน้า รวมถึงผิวกายให้ได้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง โดยสูตรผิวขาวที่สามารถทำเองได้จากวัตถุดิบในบ้านนั้นก็มีมากมาย ที่สำคัญยังเห็นผลชัดอีกด้วยหากทำอย่างต่อเนื่อง และสูตรวิธีทำให้ผิวขาว ที่หยิบยกมาฝากกัน มีดังนี้
  •  วิธีทําให้ผิวขาว : สูตรมะละกอนมสด นำมะละกอมาบดผสมกับนมสด คนให้เข้ากัน จากนั้นนำไปพอกบนใบหน้าหรือผิวกายทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออก
  • วิธีทําให้ผิวขาว : โยเกิร์ตผสมมะนาว มะนาวเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีความเป็นกรดสูงมาก จนอาจทำให้แสบผิวได้ ดังนั้นการนำมะนาวมาผสมโยเกิร์ตแล้วนำไปทาผิวทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จะช่วยลดการระคายเคืองผิว และมะนาวจะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ที่ใสกว่าเดิม 
  • วิธีทําให้ผิวขาว : น้ำมันมะพร้าวเพื่อผิวเนียนนุ่ม เป็นสูตรโบราณที่ใช้ได้ผลมาก น้ำมันมะพร้าวจะช่วยในเรื่องการทำให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื้น แม้เพียงครั้งแรกที่ได้นำน้ำมันมะพร้าวมาทาผิว รับรองได้เลยว่า สาว ๆ จะรู้สึกถึงความเนียนนุ่มได้ทันทีเลยล่ะ
  • วิธีทําให้ผิวขาว : น้ำผึ้งและโยเกิร์ต นำส่วนผสมดังกล่าวพอกลงบนใบหน้าหรือผิวกายประมาณ 30 นาทีก่อนล้างออก ช่วยให้ผิวขาวและนุ่มขึ้นได้ สามารถทำได้วันเว้นวันค่ะ
  • วิธีทําให้ผิวขาว : กล้วยหอมและนมสด นำมาบดผสมกัน จากนั้นนำไปพอกผิวในบริเวณที่ต้องการ จะทำให้ผิวขาวเนียนสวยได้ สามารถทำได้วันเว้นวันเช่นกัน


http://www.neolifeonlinecenter.com/ผลิตภัณฑ์นีโอไลฟ์/อาหารเสริมนีโอไลฟ์/?id=korrapak

*** ทับทิม *** (กับมะเร็งเต้านม)

ผลไม้หายาก ราคาแพง แต่เมื่อพูดถึงประโยชน์ของทับทิมและสรรพคุณของทับทิมก็นับว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่ามากทีเดียวที่จะลงทุนเพื่อสุขภาพของคุณๆ ซึ่งผลทับทิมจะดีอย่างไรเรามาตามติดกันเลยดีกว่า

จากตำรับการแพทย์โบราณของเปอร์เซียระบุว่า ทับทิมมีประโยชน์มากมาย เช่น ช่วยฟอกไตและท่อปัสสาวะ ช่วยการทำงานของหัวใจและตับ เป็นยาบำรุงกำลัง ฟอกโลหิต ช่วยในการย่อยอาหารขจัดไขมันส่วนเกิน ปรับฮอร์โมนในสตรีวัยทอง ต่อต้านการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ป้องกันโรคขี้หลงขึ้ลืมและช่วยให้ผิวพรรณดี ซึ่งการศึกษาวิจัยในระยะหลังก็ช่วยยืนยันถึงสรรพคุณทางยาและประโยชน์ของทับทิมไว้มากมาย ได้แก่ ในเปลือกทับทิมมีสารในกลุ่มแทนนินสูงมีสรรพคุณใช้เป็นยาแก้ท้องเดิน โรคบิด ฆ่าเชื้อแบคทีเรียหลายสิบชนิด ลดอาการอักเสบ ทั้งยังมีฤทธิ์ต่อต้าน และยับยั้งเซลล์มะเร็งได้หลายชนิดไม่ให้เพิ่มจำนวนขึ้น เช่น มะเร็งผิวหนัง มะเร็งลำไส้ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อลูกหมาก เป็นต้น

การวิจัยทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกาพบว่า ในน้ำทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดและมีประสิทธิภาพสูงมาก สามารถลดภาวะการสะสมไขมันในผนังเส้นเลือด ป้องกันเส้นเลือดอุดตันและแข็งตัว ซึ่งจะก่อให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือดตามมา รวมทั้งทำให้เส้นเลือดที่หนาตัวและมีไขมันสะสมซึ่งเป็นเส้นเลือดที่ไม่ดีมีความหนาตัวลดลงและลดไขมันที่สะสมลงอีกด้วย ช่วยบำรุงหัวใจในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือดโดยเพิ่มการไหลเวียนที่ดีขึ้นและลดภาวะหัวใจขาดเลือดในผู้ป่วยโรคหัวใจ นอกจากนี้สารจากทับทิมยังช่วยบำรุงตับมีฤทธิ์ป้องกันการเป็นพิษต่อตับและยับยั้งเซลล์มะเร็งอีกด้วย

นอกจากเม็ดทับทิมจะมีรสชาติอร่อยชวนลิ้มลองแล้ว เปลือกทับทิมก็ยังสามารถรักษาโรคท้องเดินและโรคบิดได้โดย การศึกษาวิจัยพบว่า ในเปลือกทับทิมมีสารในกลุ่มแทนนินสูง 22-25% โดยประกอบด้วยสารแทนนินในกลุ่ม Gallotannin เปลือกทับทิมตากแห้งจึงใช้เป็นยาแก้ท้องเดินและโรคบิดได้ นอกจากนี้ยังพบสารแทนนินในกลุ่ม Ellagictannin ในปริมาณสูง สารในกลุ่มนี้มีคุณสมบัติเป็นตัวต้านอนุมูลอิสระที่ดี โดยมีสรรพคุณลดอาการอักเสบ ทั้งยังมีฤทธิ์ต่อต้านมะเร็งกว่า 13 ชนิด ไม่ให้เพิ่มจำนวนขึ้น เช่น มะเร็งผิวหนัง มะเร็งลำไส้ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ เป็นต้น นอกจากนี้ยังพบว่ามีคุณสมบัติในการทำลายเซลล์มะเร็งหลอดอาหารและลำไส้ใหญ่ ซึ่งพบว่าการให้กรดเอลลาจิกกับสัตว์ทดลอง สารดังกล่าวจะไปเร่งการเจริญของเซลล์มะเร็งแบบอะมอพโดซีส (Amoptosis) ทำให้เซลล์มะเร็งถูกทำลายโดยกลไกการแตกตัวของตัวมันเองได้

ส่วนในตำรับการแพทย์แผนไทยได้บอกถึงสรรพคุณและประโยชน์ของทับทิมว่า ใบมีรสฝาด แก้ท้องร่วง แก้บิดมูกเลือด สมานแผล ดอก มีรสฝาดหวาน ต้มดื่มแก้หูชั้นในอักเสบ บดโรยแผลที่มีเลือดออก เนื้อมีรสหวานอมเปรี้ยวเป็นยาระบายอ่อนๆ บำรุงหัวใจ เปลือกมีรสฝาด ต้มดื่มแก้ท้องร่วง แก้บิดมูกเลือด ถ่ายพยาธิ แก้ตกขาว สมานแผล ฆ่าเชื้อโรค เปลือกราก ต้มดื่มแก้ระดูขาว แก้ตกเลือด ถ่ายพยาธิ

หลังจากรับรู้ถึงสารพัดประโยชน์จากทับทิมและอยากจะหาซื้อมาทานก็คงต้องบอกเลยว่า หายากและราคาค่อนข้างแพง เนื่องจากยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก แต่คุณก็สามารถหาน้ำทับทิมมาดื่มได้ เพราะมีคุณค่าไม่แพ้กัน โดยในน้ำทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง สารต้านอนุมูลอิสระจะเข้าไปช่วยกระตุ้นให้เซลล์ของร่างกาย (โดยเฉพาะเซลล์ไขมันที่เต้านม) มีความแข็งแรง เกิดภูมิคุ้มกันขึ้นภายในเซลล์ ทำให้เซลล์มีความต้านทานต่อพิษของสารก่อมะเร็ง จึงสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านมได้

ในกรณีที่คนป่วยเป็นมะเร็งเต้านมแล้ว สารต้านอนุมูลอิสระในน้ำทับทิมจะช่วยยับยั้งเซลล์ มะเร็งไม่ให้แพร่กระจายลุกลามมากขึ้นดังนี้

-สารต้านอนุมูลอิสระในน้ำทับทิมจะไปยับยั้งเซลล์มะเร็งไม่ให้มีการแบ่งตัวเพิ่มมากขึ้น(คือเซลล์มะเร็งมีปริมาณเท่าเดิมไม่ขยายวงกว้างขึ้น)-สารต้านอนุมูลอิสระในน้ำทับทิมจะไปดูแลเซลล์ดีๆ ที่อยู่รอบๆ เซลล์มะเร็ง ให้มีความแข็งแรงและมีภูมิต้านทาน เซลล์มะเร็งจึงลุกลามมาทำอันตรายไม่ได้หรือได้น้อย

เห็นหรือยังว่า ทับทิมนั้นมากประโยชน์เพียงใด เอาเป็นว่า มื้อถัดไป อย่าลืมมองหาเจ้าผลไม้ที่ว่านี้มารับประทานกันเพลินๆ เพราะนอกจากจะอร่อยแล้วยังทำให้คุณมีสุขภาพที่ดีอีกด้วย